top of page

มองเก่า ให้ใหม่ กับคาเฟ่และร้านอาหารในตึกเก่าทั่วกรุงเทพฯ


จากแนวคิดการอนุรักษ์บ้านเรือนและบูรณะอาคารเก่าแก่ให้เข้ากับยุคสมัยของคนรุ่นใหม่ สู่การเกิดคาเฟ่มากมายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และบรรยากาศของความหลัง ความทรงจำในอดีตกำลังกลับมามีชีวิตอีกครั้งผ่านการ “มองเก่า ให้ใหม่” ของ 9 คาเฟ่ในย่านต่าง ๆ ที่ช่วยปลุกให้ตึกเก่าคืนชีพอีกครั้ง


Oneday Wallflowers

ร้านดอกไม้และคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเก่าซอยนานา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้เข้ามาเพิ่มชีวิตชีวาให้กับชุมชนแถวย่านเยาวราชแห่งนี้ ชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องราววิถีชีวิตและความหลากหลายทางวัฒนธรรม สีสันของดอกไม้และใบไม้นานาพันธุ์ผสมกลมกลืนกับกลิ่นกรุ่นของกาแฟช่วยปลุกให้ตึกเก่าที่หลับใหลได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ราวกับช่วงเวลาแห่งมนตราที่ทำให้โลกในอดีตสามารถเชื่อมโยงกับโลกปัจจุบันได้


อาคารเก่าแก่ 3 ชั้นที่เคยเป็นเพียงบ้านพักธรรมดา ๆ ของครอบครัวหนึ่ง ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีชั้นหนึ่งเป็นร้านดอกไม้ ชั้นสองเป็นสเปซสำหรับจัดเวิร์กเช็อป และเป็นทั้งออฟฟิศของทีมงานร้านดอกไม้ ชั้นสามเป็นร้านกาแฟ โดยปรับตามแนวคิดของคุณลักษณ์ ณัฐพัชร สุริยะกำพล สถาปนิกผู้ตกหลุมรักในความงามของดอกไม้และได้กลายเป็นนักจัดดอกไม้ที่สรรสร้างช่อดอกไม้อันงดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาแล้วนับไม่ถ้วน เหตุผลหนึ่งที่คุณลักษณ์เลือกใช้อาคารเก่าแทนการสร้างใหม่เพราะมีความคิดว่าอาคารเก่ามันมีเสน่ห์ของมันอยู่ และเราไม่สามารถสร้างคุณค่าหรือกลิ่นอายของสิ่งที่ผ่านระยะเวลามานานในอาคารใหม่ได้


ใครที่สนใจอยากมาสัมผัสบรรยากาศของร้านด้วยตัวเองสามารถเดินทางมาได้ที่ซอยนานาแห่งนี้ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10:00 - 20:00 น. โทร. 094-661-7997 และเข้าไปติดตามร้านได้ที่ facebook: onedaywallflowers


Sarnies

คาเฟ่แบรนด์ดังจากประเทศสิงคโปร์ที่เปิดให้บริการมากว่า 5 ปีแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านเจริญกรุง ย่านแห่งสถาปัตยกรรมอาคารเก่าแก่ของไทย เมื่อมองดูภายในร้านจะเห็นเค้าโครงของสถาปัตยกรรมจากอดีตอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของพื้นผิวสัมผัส ร่องรอยของอิฐเก่า และโครงเหล็กที่ยังแข็งแรง คาเฟ่แห่งนี้เกิดจากการนำเอาบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ขนาด 2 ชั้นมาบูรณะใหม่ โดยให้คงความคลาสสิกของโครงสร้างเอาไว้ทั้งภายในและภายนอกเอาไว้ จากนั้นก็ตกแต่งเพิ่มเติม มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นเพื่อให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น


นอกจากจะได้รำลึกความทรงจำท่ามกลางบรรยากาศของอาคารเก่าแล้ว ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มและอาหารคาวหวานรสชาติเยี่ยมให้เลือกทานหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มสำหรับสายกาแฟอย่าง orange mocha, bulletproove coffee, iced coconut long black หรืออาหารลองท้องสำหรับสายกินอย่าง messy omelette, salmon toast ฯลฯ เชื่อว่าใครที่มีโอกาสแวะมาที่ร้านนี้ต้องประทับใจแน่นอน


คาเฟ่แห่งนี้เปิดให้บริการอยู่ภายในซอยเจริญกรุง 44 สามารถเดินทางมาจาก BTS สะพานตากสินได้ ร้านเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 - 17:30 น. ชมภาพบรรยากาศของร้านเพิ่มเติมได้ที่ facebook: sarnies.bkk


The Shophouse 1527

อาร์ตสเปซที่มีเอกลักษณ์เป็นผนังปูนเปลือยสีเทาดิบแห่งนี้ตั้งอยู่ในตึกแถว ในชุมชนสามย่าน ชุมชนการค้าเก่าแก่ที่ขยายตัวมาจากย่านเยาวราชและได้ถูกวันเวลาเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย อดีตของตึกแถว 1527 นี้ เริ่มจากการเป็นบ้านอยู่อาศัยของครอบครัวคนจีนครอบครัวหนึ่งนานถึง 50 กว่าปี โดยโครงสร้างของอาคารแบ่งเป็น 3 ชั้นชั้นที่หนึ่งเป็นหน้าร้านของธุรกิจค้าเหล็กและสแตนเลส ชั้นที่สองและชั้นที่สามเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มีสมาชิกอยู่ร่วมกัน 9 คน แต่ละชั้นจึงมีร่องรอยอันเกิดจากวิถีของอดีตที่ผ่านมาแตกต่างกันอย่างชัดเจน


ปัจจุบันตึกแถว 1527 นี้ได้ถูกปรับให้เป็นสถานที่มอบประสบการณ์ศิลปะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมในชุมชนด้วย โดยให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเรื่องราวของการดำรงชีวิตจากรุ่นสู่รุ่น โดยให้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการส่งมอบ


ใครที่ชื่นชอบในการชมนิทรรศการผลงานทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการติดตั้ง ศิลปะการแสดง ศิลปะดิจิตอล ฯลฯ สามารถติดตามข่าวสารกิจกรรมได้ที่ facebook: theshophouse1527 หรือจะแวะเวียนไปถึงที่ด้วยตัวเองก็ได้ ที่นี่ปิดเฉพาะวันจันทร์ และเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00 - 19:00 น. ลง MRT สถานนีสามย่าน โทร. 064-783-5566


ร้านกาแฟนรสิงห์

ร้านกาแฟนรสิงห์แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณพระราชวังพญาไท ถนนราชวิถี ตัวร้านถูกสร้างขึ้นภายในอาคารเทียบรถพระที่นั่งซึ่งเป็นอาคารเก่าและทำการตกแต่งภายในใหม่ โดยได้สร้างเฟอร์นิเจอร์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพื่อเลียนแบบลักษณะของเฟอร์นิเจอร์เก่าในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่มีทั้งความหรูหราและความคลาสสิคในแบบพระราชวังเก่า  และใช้ชื่อร้านว่า ร้านกาแฟ เดอ นรสิงห์ ณ วังพญาไท


แต่ก่อนจะมาเป็นร้านกาแฟนรสิงห์อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 6 ร้านนี้เคยตั้งอยู่ที่มุมสโมสรเสือป่า ลานพระบรมรูปทรงม้ามาก่อน ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าร้านกาแฟนรสิงห์ เป็นร้านกาแฟแห่งแรกของเมืองไทย ทั้งยังเป็นร้านที่ผู้มีบรรดาศักดิ์ พ่อค้าชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมใช้เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์อีกด้วย เพราะถูกปากกับรสชาติอาหารคาวหวานระดับครัวชาววังจากครัวนรสิงห์ ของ พลเรือเอกเจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ) ผู้ซึ่งมีความใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทของรัชกาลที่ 6 มากที่สุดนั่นเอง ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 ร้านกาแฟนรสิงห์ก็ได้เลิกกิจการไป และได้กลายเป็นทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบันแทน ทางคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไทอยากฟื้นคืนบรรยากาศของร้านกาแฟแห่งแรกของสยามให้กับชาวกรุงได้มีโอกาสสัมผัสอีกครั้ง จึงได้เปิดร้านกาแฟนรสิงห์ขึ้นที่พระราชวังพญาไทแห่งนี้ 


คาเฟ่แห่งนี้เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08:30 - 19:00 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09:00 - 19:00 น. โทร. 064-462-3294 และติดตามข่าวสารของร้านได้ที่ facebook: CafeNarasingh


Craftsman x บ้านอาจารย์ฝรั่ง​

บ้านสีเหลืองสวยสไตล์ไทยผสมวิคตอเรียนโกธิคเรอเนสซองส์ขนาดสองชั้นที่ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานซังฮี้นี้ คือบ้านหลังแรกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ศาสตราจารย์ชาวอิตาลีที่ได้ใช้ชีวิตช่วงแรกในการมาอยู่ไทยในสมัยรัชกาลที่ 6 ในฐานะช่างปั้นประจำกรมศิลปากร และใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้ถึง 8 ปี บ้านหลังนี้ถูกค้นพบโดยลูกศิษย์ที่ตามหาและสืบประวัติของท่านจากนั้นก็เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม จนมาถึงปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ที่มีชั้นหนึ่งเป็นร้านกาแฟ Craftsman Roastery และชั้นสองเป็นหอประวัติของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี และห้องแสดงผลงานของลูกศิษย์รุ่นที่ได้รับการสอนโดยตรงจากอาจารย์ โดยมีกรมศิลปากรเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้


คอนเซปต์ความเป็นไทยและตะวันออกถูกใช้เป็นแนวความคิดหลักในการทำคาเฟ่แห่งนี้ เริ่มตั้งแต่การปรับปรุงตัวอาคาร ไปจนถึงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ โดยมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลักเพื่อให้ได้ความรู้สึกผ่อนคลาย และเพื่อให้เข้ากับเส้นสายลวดลายแบบตะวันตกของตัวบ้าน พื้นบ้าน และสีสันที่คุมโทน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา หรือเคาน์เตอร์บาร์


แวะเวียนมาดื่มด่ำกับกาแฟในบรรยากาศแห่งความหลัง แล้วชมประวัติและผลงานของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีที่คาเฟ่แห่งนี้ได้ทุกวัน เวลา 7:00 - 20:00 น. ถนนราชวิถี เชิงสะพานซังฮี้ โทร. 086-688-5442 และติดตามร้านได้ที่ facebook: craftsmanroastery


Ha tien

คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านท่าเตียนซึ่งถือเป็นอีกชุมชนหนึ่งที่มีความเก่าแก่และอยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนกรุงเทพ ฯ มาอย่างยาวนาน คำว่า “ฮาเตียน” ที่เป็นชื่อของร้านมีที่มาจากชื่อเมืองของเวียดนาม ว่ากันว่าในอดีตชาวญวนที่อาศัยอยู่ในเมืองฮาเตียนได้อพยพหนีสงครามมาอาศัยอยู่และได้ตั้งชื่อแถบนี้ตามชื่อเมืองของตน เนื่องจากภูมิประเทศคล้ายคลึงกัน และได้เกิดการเพี้ยนเสียงมาเป็น “ท่าเตียน” ในปัจจุบัน 


ฮาเตียน ค่าเฟ่ในตึกเก่าขนาด 3 ชั้น ที่มีอายุมากกว่า 90 ปี นี้ ได้ถูกปรับปรุงเป็นคาเฟ่สไตล์วินเทจที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของแอนทีคซึ่งเป็นของสะสมกว่า 10 ปี ซึ่งในแต่ละชั้นก็มีสไตล์การตกแต่งที่แตกต่างกัน ชั้นหนึ่งตกแต่งตามสไตล์ Oriental แบบจีน ชั้นสองตกแต่งโดยให้อารมณ์ของความฝรั่งมากขึ้น และชั้นสามออกแบบให้มีความโปร่งและโล่งแบบ Glass House 


สามารถมาดื่มด่ำกับบรรยากาศคลาสสิกพร้อมดื่มเครื่องดื่มและเบเกอรี่อร่อย ๆ ได้ที่ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณซอยประตูนกยูง ตรงข้ามที่จอดรถวัดโพธิ์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 - 20:00 น. โทร. 081-302-0651 และติดตามร้านได้ที่ facebook: hatiencafebkk


Ba Hao

อาคารเก่าขนาด 4 ชั้นที่เห็นอยู่นี้คือ บาร์สไตล์จีนที่ตั้งตรงหัวมุมถนนนานาตัดกับซอยพันธ์จิตต์ และถนนไมตรีจิตต์ คำว่า “Ba Hao” เป็นภาษาจีน อ่านออกเสียงว่า “ปา เฮ่า” มีความหมายว่า หมายเลขแปด ซึ่งถือเป็นเลขมงคลตามความเชื่อของคนจีน และก็เป็นเลขที่บ้านของบ้านหลังนี้ด้วย นั่นก็คือ 8 ซอยนานา ถนนไมตรีจิตต์ เขตป้อมปราบ


จริง ๆ แล้วทั้ง 4 ชั้นนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพื้นที่บาร์เสียทั้งหมด แต่ได้มีการแบ่งสัดส่วนตามแต่ละชั้น โดยมีชั้นหนึ่งเป็นบาร์แนวจีนที่เสิร์ฟค็อกเทลและคราฟต์เบียร์จากโลกตะวันออก และยังมีอาหารแนว street comfort food สไตล์จีนให้ลองลิ้มรสชาติด้วย เมื่อเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองจะเจอกับห้องนั่งเล่นเพดานสูงที่ตกแต่งให้เหมือนกับบ้านจริง ๆ เอาไว้เป็นพื้นที่แบ่งปันสำหรับแขกที่มาพัก Airbnb ในห้องไมตรีจิตต์ที่อยู่ในชั้นสามและห้องสันติภาพที่อยู่ในชั้นสี่ 


เปิดให้บริการทุกวัน โทร. 064-635-1989 และติดตามร้านได้ที่ facebook: 8bahao


Kanvela House และ Buddha & Pals

อาคารอนุรักษ์ที่มีลักษณะเป็นตึกแถวโบราณอายุกว่า 120 ปีแห่งนี้ ตั้งอยู่ในย่านนางเลิ้ง ใกล้กับวัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ความยาวนานของที่นี่อาจเริ่มวัดได้ตั้งแต่การเปิดเป็นสถานที่ตั้งของธุรกิจน้ำมันมวย ตำรับยายอดนิยมของไทย เรื่อยมาจนถึงการเป็นร้านเสื้อสูท ร้านจิวเวอรี่ จากนั้นก็ถูกทิ้งร้างไปประมาณ 2 ปี แล้วคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งด้วยการเป็นโฮสเทล Kanvela House และคาเฟ่ Buddha & Pals


อาคารเก่าถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้า และส่วนหลัง พื้นที่ส่วนหน้าถูกจัดสรรให้เป็นคาเฟ่และร้านอาหาร ภายใต้ชื่อ “Buddha & Pal” ส่วนพื้นที่ส่วนหลังถูกจัดสรรให้เป็นโฮสเทล ภายใต้ชื่อ “Kanvela House” การบูรณะอาคารเก่าแห่งนี้ใช้เวลากว่า 2 ปี โดยมีการปรับปรุงกำแพงให้มีพื้นที่ขยายต่อกันเป็นห้องกว้าง เพื่อลดความรู้สึกคับแคบและอึดอัด พร้อมทั้งมีการรื้อฝ้าเก่าออกให้เหลือเพียงพื้นไม้ชั้น 2 เพื่อช่วยให้เพดานดูสูงและได้บรรยากาศที่โปร่งโล่ง 

หากอยากลองสัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ ที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว สามารถแวะเวียนมาได้ที่ย่านนางเลิ้ง ใกล้กับวัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โฮสเทล Kanvela House เปิดบริการทุกวันตลอด 24 ชม. โทร. 061-585-9283 ติดตามได้ที่ facebook: kanvelahouse ส่วนคาเฟ่ Buddha & Pals เปิดทุกวันเวลา 9:00 - 20:00 น. ติดตามได้ที่ facebook: buddhaandpals


การบูรณะและแบ่งปันพื้นที่สวยงามเหล่านี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “การมองมรดกในแง่มุมใหม่” อย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลต่อทิศทางในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้สามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมไทยได้อย่างลงตัว เพราะการทำให้คนทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมและเข้าถึงคุณค่าของบรรยากาศในอดีตเหล่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยสร้างคุณค่าของความเก่าให้เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ได้ ใครที่สนใจในงานสถาปัตยกรรมเก่าและการอนุรักษ์ สามารถพบกับเรื่องราวของมรดกทางสถาปัตยกรรมและเรื่องราวของมรดกที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันได้ที่งานสถาปนิก’64 “มองเก่า ให้ใหม่: Refocus Heritage” ระหว่างวันที่ 27 เมษายน - 2 พฤษภาคม 2564 




bottom of page